Monday, 21 December 2015
อิเชี่ย. อดกินเลยดิ. แม่งตำนาน. ปิดตำนาน ห่านย่าง Yung Kee?
อิเชี่ย. อดกินเลยดิ. แม่งตำนาน.
ปิดตำนาน ห่านย่าง Yung Kee?
… วันนี้มีโพสต์ย้าว ยาว ซึ่งเป็นข่าวใหญ่ (มากกกก) ในวงการอาหารฮ่องกงวันนี้มาเล่าให้ฟังค่ะ ข่าวของร้านห่านย่างคู่บ้านคู่เมือง “หย่ง เก” (Yung Kee) ที่ ‘อาจจะ’ ต้อง “ปิดตัวลงตลอดกาล” เนื่องจากการขัดผลประโยชน์ในครอบครัว
… กำหนดการเดิมของศาล นัดให้วันนี้ (16 ธันวาคม) เป็นวันชี้ชะตา ให้ทายาททั้ง 2 ฝ่ายของตระกูล “ก๊ำ” (Kam) แห่ง Yung Kee ตกลงคดีอันยืดเยื้อเรื่องการถ่ายโอนทรัพย์สินกันให้ได้ มิฉะนั้นจะต้องดำเนินการขายทอดตลาดร้านอาหารในตำนานของฮ่องกงร้านนี้ ร้านที่เปิดมากว่า 73 ปี ตั้งอยู่บนพื้นที่ทองคำ ที่เคยถูกประเมินทรัพย์สินทั้งหมดไว้กว่า 1,500 ล้านเหรียญฮ่องกง (หรือราว 7,000 ล้านบาท) ซึ่ง ณ เวลาที่เขียนโพสต์นี้ ค่ำวันที่ 16 แล้ว แต่ก็ยังไม่มีบทสรุปว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะตกลงกันได้ออกมาเลย จนมีข่าวต่อว่า ศาลได้เลื่อน deadline ให้ต่อไปอีก
… สำหรับคนฮ่องกง ชื่อของ Yung Kee ไม่ได้เป็นเพียงเหลาหรูหรา ที่มีห่านย่างอร่อยระดับตำนานเท่านั้น แต่เป็นเรื่องราวมหากาพย์การแย่งชิงมรดกสุดคลาสสิก ที่มีพล็อตเรื่องไม่แพ้ซีรี่ย์ที่ดูกันมันหยดทางโทรทัศน์ วันนี้พี่แป๋วจะมาเล่าเรื่องราวศึกชิงมรดกของตระกูลนี้ให้ฟังคร่าวๆ หลังจากเคยติดตามข่าวมาเป็นเวลาหลายปีค่ะ
… บทเริ่มต้นของความเข้มข้น เกิดขึ้นเมื่อ Kam Shui Fai ผู้ก่อตั้ง Yung Kee ได้เสียชีวิตลงในปี 2004 และแบ่งมรดกเป็นหุ้นของร้านไว้ 5 ส่วน เพื่อมอบให้กับบุตรทั้ง 4 คนและภรรยา โดย Kinsen และ Ronald ลูกชายคนโตและคนรอง ได้รับไปคนละ 35%, Kwan Ki และ Mei Ling ลูกชายและลูกสาวคนเล็ก ได้รับคนละ 10% สุดท้าย ภรรยาของเค้าได้รับ 10%
… การบริหารโดยทายาทรุ่นที่ 2 นำโดยลูกชายคนโตและคนรองมีปัญหาขัดแย้งกันตลอดเวลา จนเมื่อลูกสาวคนเล็กหรือ Mei Ling มอบหุ้น 10% ให้พี่ชายคนรอง (Ronald) ซึ่งเมื่อมารดาเห็นเช่นนี้ ก็มอบหุ้นที่มีเพื่อคานอำนาจให้กับ Kinsen ลูกชายคนโตซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บริหารหลัก ทำให้จากหุ้นคนละ 35% ทั้ง Kinsen และ Ronald จึงถือครองไปเท่ากัน คนละ 45% และจุดพลิกผันก็เกิดขึ้น เมื่อไพ่ใบสุดท้าย หรือ Kwan Ki ลูกชายคนเล็ก ยกหุ้น 10% ในมือให้กับ Ronald ในที่สุด จึงเกิดเป็นสูตร 55% (Ronald) และ 45% (Kinsen) อันเป็นที่มาของการฟ้องร้องมหากาพย์ จนอาจนำมาซึ่งจุดจบในวันนี้
… จุดพลิกผันอีกจุดหนึ่ง คือ Kinsen เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งในปี 2012 ทายาททั้ง 2 ของเค้าจึงตัดสินใจให้ฝ่ายอา (Ronald) บริหารกิจการกงสีของคุณปู่ไป โดยในปี 2014 ลูกชายของ Kinsen ทั้ง 2 คน ออกมาเปิดร้านอาหารของตนเองคนละร้าน โดย บุตรชายคนโตเปิดร้าน Kam’s Kitchen อยู่ที่ Tin Hau ส่วนบุตรชายคนรอง เปิดร้าน Kam’s Roast Goose ที่ Wan Chai ร้านของทั้งคู่จัดว่าประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย เพราะได้รับเลือกจาก Michelin ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดตัว โดยเฉพาะ Kam’s Roast Goose อีกหนึ่งร้านดังประจำเพจ 852 ของเรา ที่เปิดตัวด้วยการคว้าดาวของ Michelin ได้ 1 ดวง และยังรักษาไว้ได้ในปัจจุบัน ส่วนร้านของพี่ชายได้รับระดับ recommend ลงในมิชลินไกด์บุ๊ก ต่างกับ Yung Kee ตำนานของคุณปู่ ที่นับวันเกียรติยศกลับค่อยๆ จางหาย เมื่อ Michelin ปลดดาว 1 ดวงที่ได้รับมากว่า 3 ปีลงในปี 2012 และปลดออกจากไกด์บุ๊กโดยสิ้นเชิงในปี 2014
… กลับมาที่การฟ้องร้องกันต่อ ข้อพิพาทหลัก คือ ทายาทฝั่ง Kinsen ต้องการขายหุ้นใน Yung Kee ทั้งหมด 45% ให้กับฝั่ง Ronald มิฉะนั้นก็ให้ปิดฉากมรดกพันล้านของตระกูลไปเสีย แม้แหล่งข่าวจะอ้างอิงว่า ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ต้องการยุติกิจการแต่อย่างใด แต่ประเด็นความยืดเยื้ออยู่ที่ราคาหุ้นที่ไม่สามารถตกลงกันได้ แม้จะมีทางเลือกอื่นมาเพื่อพิจารณา เช่น ยังดำเนินธุรกิจต่อไป แต่ย้าย Yung Kee ออกจากสุดยอดทำเลทองของฮ่องกงบนถนน Wellington ย่าน Central ไปอยู่ที่อื่น ฯลฯ ซึ่งแม้นี่จะเป็นเพียง 1 ใน 3 ทางเลือกที่ฝั่ง Ronald เสนอให้ Kinsen แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังหาข้อตกลงกันไม่ได้ซักทีค่ะ
… ฤาตำนานของคุณปู่ จะสิ้นสุดลงพร้อมกับการจากไปของท่านซะแล้วจริงๆ น่าเสียดายนะคะ กับร้านที่เป็นมากกว่าภัตตาคาร แต่คือ ตำนานความสำเร็จของคนฮ่องกง ที่ชื่อว่า หย่งเก (Yung Kee)
เรียบเรียงโดย: พี่แป๋ว Eat Like 852 © All Rights Reserved.